Wednesday, September 20, 2017

.. เล่าเฒ่าที่รู้ .. "สี่แผ่นดิน" ตอนที่ ๓


.. เล่าเฒ่าที่รู้ .. "สี่แผ่นดิน" ตอนที่ ๓

"ตำหนักแพ"

 .. ระหว่างทางที่แม่แช่มพาพลอยนั่งเรือ
จากบ้านฟากข้างโน้น ริมคลองบางหลวง
ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามานั้น พลอยเห็นอาคารหลังหนึ่ง หลังคามุงกระเบื้อง
มีช่อฟ้าปิดทองงามระยับอยู่ริมตลิ่
จึงถามแม่ว่า "แม่จ๋า นั่นอะไรน่ะแม่"
แม่แช่มตอบว่า "ตำหนักแพไงลูก"

.. ตำหนักแพที่แม่แช่มตอบพลอยนั้นก็
คือ ชื่อสามัญที่ใช้เรียกท่าราชวรดิฐ ซึ่ง
เป็นท่าน้ำสำหรับเสด็จประทับเรืิอพระที่นั่ง

.. ตำหนักแพหรือท่าราชวรดิฐ เป็นหมู่พระตำหนักน้ำ
อยู่ด้านตะวันตกของพระบรมมหาราชวัง ตอนสมัยต้นรัตนโกสินทร์
เป็นเพียงตำหนักเล็กๆ สร้างยื่นลงไปใน
แม่น้ำเจ้าพระยาทอดคานเป็นทางเดิน
เหมือนเรืิอนแพ จึงเรียกพระตำหนักแพ
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็พระจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัว ตัวพระตำหนักทรุดโทรม
จึงโปรดให้รื้อและสร้างขึ้นใหม่ ครั้งนี้โปรด
ให้ลงเขื่อนถมและปรับที่ให้เสมอกันสร้างเป็น
หมู่พระที่นั่งใหม่อย่างงดงาม ประกอบด้วยพระที่นั่ง
ทิพยสถานเทพสถิตย์ พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย
พระที่นั่งอนงค์ในสราญรมย์ และพระที่นั่งชลังคพิมาน
โปรดพระราชทานนามบริเวณนั้นทั้งหมดว่า "ท่าราชวรดิฐ์"
อาคารที่พลอยมองเห็นและชี้ให้แม่แช่ม
ดูนั้น น่าจะเป็นพระที่นั่งชลังคพิมาน เพราะเป็นพระที่นั่งองค์เล็ก
อยู่ริมน้ำ สร้างด้วยไม้หลังคามุงกระเบื้องเกล็ดเต่า
มีช่อฟ้าใบระกานาคสะดุ้ง หน้าบันประดับกระจก
จึงทำให้ดู "งามระยับอยู่ริมตลิ่ง"

.. ปัจจุบันพระที่นั่งส่วนใหญ่ในท่าราชวรดิฐ
ถูกรื้อเพราะทรุดโทรดลง คงเหลือแต่พระ
ที่นั่งราชกิจวินิจฉัย เพียงองค์เดียว ..

ปล. ท่าราชวรดิฐ ปี พ.ศ. 2438 .….
ท่าราชวรดิฐ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ด้านหน้าพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ถนนมหาราช
 แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ท่าราชวรดิฐ
เป็นท่าเทียบเรือพระทีนั่ง ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของพระบรมมหาราชวัง
เดิมเป็น ที่ตั้งของพระตำหนักน้ำซึ่งสร้างในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นตำหนักปักเสาลงในน้ำ ทอดคาน
เหมือนเรือนแพ มีหลังคามุงกระเบื้อง
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักของเดิมเสีย แล้วลงเขื่อนถมที่ขึ้นเสมอพื้นดิน และสร้างพระที่นั่งขึ้นหมู่หนึ่งเป็นพลับพลาสูงตรงกลางองค์หนึ่ง พระราชทานนามว่า พระที่นั่งชลังคพิมานต่อพลับพลาสูงเข้าไปทางด้านตะวันออก มีพระที่นั่งสูงเป็นที่ประทับองค์หนึ่ง พระราชทานนามว่า พระที่นั่งทิพยสถานเทพสถิต พระที่นั่งข้างเหนือลดพื้นต่ำลงมาเป็นท้องพระโรงฝ่ายหน้าองค์หนึ่ง พระราชทานนามว่า พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีพระที่นั่งข้างใต้เหมือนกันกับองค์ข้างเหนือเป็นที่พักฝ่ายใน พระราชทานนามว่าพระที่นั่งอนงค์ในสราญรมย์ ส่วนตรงหน้าพระที่นั่งชลังคพิมานใต้ท่าเสด็จลงเรือ โปรดเกล้าฯ ให้ก่อเขื่อนทำสระเป็นที่สรงสระหนึ่งก่อกำแพงเป็นบริเวณข้างในทั้ง 3 ด้านมีป้อมริมน้ำปลายแนวกำแพงด้านเหนือ พระราชทานนามว่าป้อมพรหมอำนวยศิลป์ ป้อมข้างใต้ตรงชื่อ ป้อมอินทร์อำนวยศร และโปรดเกล้าฯ ให้เรียกรวมกันทั้งบริเวณว่า ท่าราชวรดิฐ แปลว่า ท่าอันประเสริฐของพระราชา ข้างเหนือขึ้นไปทำท่าสำหรับเรือข้าราชการอีกท่าหนึ่ง โปรดเกล้าฯ ให้เรียกว่า ท่านิเวศน์วรดิฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นท่าเรือรับส่งข้าราชการทหารเรือและประชาชนทั่วไปข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาจากฝั่งพระนครไปยังฝั่งธนบุรีขึ้นตรงท่าของกรมอู่ทหารเรือ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระที่นั่งในบริเวณท่าราชวรดิฐชำรุดจึงโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมรักษาพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยไว้ นอกนั้นให้รื้อเสีย ปัจจุบันท่าราชวรดิฐยังเป็นที่เสด็จประทับในการเสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค...

เรื่องจริงของจริงใน "สี่แผ่นดิน" ตอนที่ ๓ 

 โดย.. ลุงใหญ่ 

 ๐๘ มกราคม ๒๕๕๖ 

** เนื้อหาสาระของความคิดนั้น จะผิด ถูก ตรง ไม่ตรง
ดี ไม่ดี อย่างไร ก็เป็นเรื่องของความคิด

และขึ้นอยู่ที่ผู้อ่านว่าจะตัดสินอย่างไร เป็นสิทธิส่วนบุคคล

ลุงใหญ่ บันทึกไว้เพื่อกันลืมเท่านั้น 

มิได้ตั้งใจจะสอนอะไรกับใครๆ ทั้งสิ้นครับ **









No comments:

Post a Comment