.. ปัญหาเกิดขึ้นแต่ในคนเท่านั้น ..
ผู้ที่อยากเป็นใหญ่ เค้ามักจะเป็นผู้ที่มีปมด้อยที่เกี่ยวกับ " ความต่ำต้อย "
มนุษย์ที่อยากเป็นใหญ่เพราะมีปมด้อยกับความต่ำต้อย เพื่อที่จะซ่อนปมด้อยนั้น
พวกเขาจึงได้แสดงความเหนือกว่าออกมา เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคนสำคัญ
คำพูดของพวกเขาจึงเป็นความจริง คำพูดของพวกเขาคือ กฎ ระเบียบ และอื่น ๆ
ทั้ง ๆ ที่ลึก ๆ ลงไปนั้นพวกเขาเป็นแค่เพียงการดำรงอยู่ที่ต่ำต้อย..?? เหลือเกิน
ธรรมชาติไม่มีการแบงชนชั้น ...
ชนชั้นเป็นเรื่องที่อยู่ในความคิดของมนุษย์เท่านั้น
เพราะถ้าไม่มีชนชั้น .. อัตตาความเป็นตัวตนก็จะทนอยู่ไม่ได้ มันจะเหี่ยวเฉาไป
ในธรรมชาติ .. ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ต่างก็เป็นโอกาส เป็นที่ว่าง ๆ ไม่มีการตั้งใคร ใคร
เป็นเจ้านาย ไม่มีใคร ใครเป็นอาจารย์ และไม่มีใคร ใคร เป็นคนรับใช้ ...
ธรรมชาติดำเนินไปอย่างมี "เอกภาพ" โดยคงความเป็นปัจเจกไว้ ซึ่งในวิธีนี้เป็นสิ่ง
ที่จะทำให้อัตตาตัวตนไม่มีโอกาสเติบโต เฉกดังเช่น ต้นไม้ไม่มีอัตตาตัวตน..
นกไม่มีอัตตาตัวตน และ สัตว์ทุก ๆ ชนิด ก็ไม่มีอัตตาตัวตน ...
ปัญหา .. เกิดขึ้นแต่ในคนเท่านั้น
มันเป็นคุณสมบัติที่เป็นสิทธิประโยชน์ที่มีเฉพาะในมนุษย์เท่านั้น ที่สามารถยืนอยู่
คนเดียว ยืนต่อต้านโลกทั้งโลก หากเขารู้สึกว่าเขาอยู่กับสิ่งที่เป็นความจริง
หากเขารู้สึกว่านี่คือ หนทางที่จะนำไปสู่ "อิสรภาพ" ถ้าเช่นนั้นก็จงมีความรับผิดชอบ
ต่อทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น แล้วความรับผิดชอบเหล่านั้นก็จะไม่เป็นภาระที่เขาต้อง
แบกรับเอาไว้ มันจะทำให้เขาเติบใหญ่มากขึ้น เป็นศูนย์กลางมากขึ้น หยั่งรากลึกยิ่งขึ้น
เป็นบุคคลที่งดงามยิ่งขึ้น
พวกเขาเหล่านั้นมีแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้นที่อยู่ในกำมือของเขา มันเป็นแค่ชั่วขณะที่แท้จริง
และเขาจะไม่ได้สัมผัสกับมันอีก เขาจะใช้ชีวิตอยู่กับมันหรือเขาจะปล่อยให้มันผ่านไป...
ลุงใหญ่
22-10-55
Sunday, October 21, 2012
Wednesday, October 10, 2012
การศรัทธา (ความเชื่อ) ที่ถูกต้อง
" ความเชื่อ หรือ ความศรัทธา ที่ถูกต้อง "
ความเชื่อ หรือ ความศรัทธา มักเป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์ทั่วไป ที่จะเข้าถึง ทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา)
มันเป็นธรรมสำคัญที่จำเป็นจะต้องเน้นให้มาก ๆ ว่าจะต้องเป็นความเชื่อที่ถูกต้องตามหลักที่จะเป็นสัมมาทิฏฐิ
ฉะนั้นความเชื่อ หรือ ความศรัทธา ที่ถูกจะต้องมีความสัมพันธ์กับปัญญา เป็นส่วนเฉพาะดังนี้คือ
๑. ความเชื่อ หรือ ความศรัทธา จะต้องประกอบด้วยปัญญา และนำไปสู่ปัญญา
๒. ความศรัทธาเกื้อหนุน และนำไปสู่ปัญญา..โดย
ความเชื่อ หรือ ความศรัทธา มักเป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์ทั่วไป ที่จะเข้าถึง ทางสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา)
มันเป็นธรรมสำคัญที่จำเป็นจะต้องเน้นให้มาก ๆ ว่าจะต้องเป็นความเชื่อที่ถูกต้องตามหลักที่จะเป็นสัมมาทิฏฐิ
ฉะนั้นความเชื่อ หรือ ความศรัทธา ที่ถูกจะต้องมีความสัมพันธ์กับปัญญา เป็นส่วนเฉพาะดังนี้คือ
๑. ความเชื่อ หรือ ความศรัทธา จะต้องประกอบด้วยปัญญา และนำไปสู่ปัญญา
๒. ความศรัทธาเกื้อหนุน และนำไปสู่ปัญญา..โดย
- ความศรัทธา... ช่วยให้ปัญญาเราได้จุดเริ่มต้น เช่น ได้แสดงสาระ ความมีเหตุผล ความน่าเชื่อถือ หรือน่าเสื่อมใส เห็นว่าจะนำไปสู่ความเป็นจริงได้ เราจึงเริ่มศึกษาค้นคว้าจากจุดนั้น ๆ
- ความศรัทธา... ช่วยให้ปัญญามีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจน เมื่อเกิดความเชื่อแล้วเราก็จะได้ความเป็นจริงแล้วก็จะทำให้ตัวเรามุ่งหน้าไปในทางนั้น เจาะลึกลงไปในเรื่องนั้นๆ ไม่จับจด เพราะเกิดจากความศรัทธาจริงๆ
- ความศรัทธา... ช่วยให้ปัญญามีพลัง หรือช่วยให้การพัฒนาปัญญาก้าวไปอย่างเข้มแข็งอย่างมั่นคง คือ เมื่อเกิดความเชื่อมั่นในใจว่าจะได้ความเป็นจริง ก็มีกำลังใจเพียรพยายามศึกษาค้นคว้าเอาอย่างจริงจัง ความเพียรก็จะมาหนุน
สรุป : ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าท่านจึงทรงแสดงถึงหลักความเสมอภาคกัน หรือหลักความสมดุลแห่งอินทรีย์
ที่เรียกว่า "อินทริยสมตา" ไว้ โดยให้ผู้ที่ปฏิบัติทั่ว ๆ ไปได้มีความเชื่อและความศรัทธาที่เข้าคู่สมดุลกับปัญญา
จึงให้ธรรมทั้ง ๒ อย่างนี้ เป็นเครื่องมือช่วยเสริมกันและคุมกันให้พอดี...
(-เฉกเช่นเดียวกันกับ วิริยะ คือ ความเพียร ที่จะต้องเข้าคู่กันให้สมดุลกับสมาธิ เพื่อให้วิริยะไม่เป็นความเพียร
ที่พลุ่งพล่านร้อนรน และจะทำให้สมาธิไม่กลายเป็นนิ่งเฉย ๆ หรือ เกียจคร้านเฉื่อยชาไปได้ แต่ให้เป็นการก้าว
ไปอย่างเรียบรื่นและจงหนักแน่นให้มันมั่นคง ก็โดยมีสติเป็นเครื่องมือ เป็นตัวกำกับ เป็นตัวกำจัด เป็นตัวปรับ
และเป็นตัวรักษาในความสมดุลนั้นไว้ ถ้าพูดกว้าง ๆ ก็ถือว่า อินทรีย์ ๕ จะต้องสมดุลกันทั้งหมด-)...ลุงใหญ่ ??
..................................................................................................................................................
อินทรีย์ ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ; เป็นเรื่องความเสมอกัน หรือ สมดุลแห่งอินทรีย์
Tuesday, October 9, 2012
ความสมดุล... ของ "ความรัก"
@.. ความสมดุล โดยแท้นั้นคือ อิสรภาพ ..@
มนุษย์เราจะเป็น " อิสระ " ได้ก็ต่อเมื่อ... เกิดความสมดุลขึ้นระหว่าง
" เหตุผล " และ " ความรู้สึก " ในความสมดุลโดยแท้นั้นคือ อิสรภาพ
ในความสมดุลโดยแท้นั้นคือดุลยภาพ และความสงบระงับในจิตใจ ..?
เมื่อมนุษย์เรามีเรื่องใดๆ ที่ต้องคิดในหัวมากเกินไปนั่นเป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก
และมันไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรเลยที่เกิดขึ้นในชีวิต...ของเรา
แต่ในขณะที่ความสุขทั้งมวลไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ ความสุขเป็นเพียงแค่ความสนุกสนาน
ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลยมาเป็นตัวกำหนด...
เฉกเช่นกับ.. " ความรัก " ความรักเป็นแค่รื่องที่ทำให้เราเพลิดเพลิน และไร้เป้าหมาย...
เช่นเดียวกับความงดงามและการเริงระบำ ทุกๆอย่างที่เปี่ยมไปด้วยความหมายแก่จิตใจล้วนไร้เหตุผล
เพราะฉะนั้น.. มนุษย์เราต้องเติมคุณค่าลงไปในจิตใจให้มากในตอนเริ่มต้น เพื่อทำให้เกิดความสมดุล
แต่บางคนก็แทบจะอิงแนบหัวใจของตัวเองมากเกินไปกับความรัก..
บางคนก็ต้องพยายามเข้าใจในความรู้สึกสุดโต่ง อย่างอื่นให้ได้เพื่อที่จะสร้างความสมดุล ของ ความรัก
ในที่สุดแล้วเราก็จะเข้ามาสู่จุดกึ่งกลาง.. แต่เราก็ต้องพยายามเข้าใจ ความรู้สึกสุดโต่งอย่างอื่นมาก่อน..
เพราะจิตใจของมนุษย์เรามักจะถูกครอบงำไปด้วย " เหตุ และ ผล " มากเกินไปจริง จริง..??
นี่แหล่ะคือ ... " ความสมดุล ของ ความรัก " ใครบางคนมิรู้ลืม ...
ลุงใหญ่
09-10-55
มนุษย์เราจะเป็น " อิสระ " ได้ก็ต่อเมื่อ... เกิดความสมดุลขึ้นระหว่าง
" เหตุผล " และ " ความรู้สึก " ในความสมดุลโดยแท้นั้นคือ อิสรภาพ
ในความสมดุลโดยแท้นั้นคือดุลยภาพ และความสงบระงับในจิตใจ ..?
เมื่อมนุษย์เรามีเรื่องใดๆ ที่ต้องคิดในหัวมากเกินไปนั่นเป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก
และมันไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรเลยที่เกิดขึ้นในชีวิต...ของเรา
แต่ในขณะที่ความสุขทั้งมวลไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ ความสุขเป็นเพียงแค่ความสนุกสนาน
ไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลยมาเป็นตัวกำหนด...
เฉกเช่นกับ.. " ความรัก " ความรักเป็นแค่รื่องที่ทำให้เราเพลิดเพลิน และไร้เป้าหมาย...
เช่นเดียวกับความงดงามและการเริงระบำ ทุกๆอย่างที่เปี่ยมไปด้วยความหมายแก่จิตใจล้วนไร้เหตุผล
เพราะฉะนั้น.. มนุษย์เราต้องเติมคุณค่าลงไปในจิตใจให้มากในตอนเริ่มต้น เพื่อทำให้เกิดความสมดุล
แต่บางคนก็แทบจะอิงแนบหัวใจของตัวเองมากเกินไปกับความรัก..
บางคนก็ต้องพยายามเข้าใจในความรู้สึกสุดโต่ง อย่างอื่นให้ได้เพื่อที่จะสร้างความสมดุล ของ ความรัก
ในที่สุดแล้วเราก็จะเข้ามาสู่จุดกึ่งกลาง.. แต่เราก็ต้องพยายามเข้าใจ ความรู้สึกสุดโต่งอย่างอื่นมาก่อน..
เพราะจิตใจของมนุษย์เรามักจะถูกครอบงำไปด้วย " เหตุ และ ผล " มากเกินไปจริง จริง..??
นี่แหล่ะคือ ... " ความสมดุล ของ ความรัก " ใครบางคนมิรู้ลืม ...
ลุงใหญ่
09-10-55
Subscribe to:
Posts (Atom)