Tuesday, December 31, 2013

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๗

ขอให้ทุก ๆ ท่านจงมี ๓ สิ่งที่ปรารถนาดังนี้ คือ 


... ความรัก ความสุข ความทรงจำ ... ตลอดไป 

๑. "ความรัก" คือ สิ่ง ๆ หนึ่งที่มีความผูกพันเกิดขึ้นระหว่างคน ๒ คน
ที่มีการเริ่มต้น คงอยู่ และ จากไปในที่สุด 

(ความรักที่มั่นคงและเป็นอมตะ .. มันคงอยู่ในใจของกันและกันเสมอไม่มีวันตาย) 

๒. "ความสุข" คือ สิ่ง ๆ หนึ่ง ที่ฝั่งอยู่ในใจของเราเสมอ แต่ในบางมุม
ความสุข ก็อยู่ร่วมไปกับ ความทุกข์ ความลำบาก ความโหยหา
และสุขอย่างลม ๆ เช่น ผ่านพบและผูกพัน 

๓. "ความทรงจำ" คือ สิ่ง ๆ หนึ่งที่คนเราไม่เคยลืม และลืมไม่ลง
ไปจากใจของเราเสมอ ไม่ว่าเธอ และ ฉัน จะสุข หรือ ทุกข์ 

ปล. ชีวิตจะเปลี่ยนไป เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง และ ซื่อสัตย์ต่อกัน ... 
คุยกับคนที่คุณรัก อย่ากลัวที่จะพูดคำวิเศษ 3 คำว่า " ฉันรักเธอ " อย่าปล่อยให้โอกาสผ่านไป 
คุณควรจะบอกรักก่อนจะจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางทีคุณอาจจะได้เจอกันครั้งสุดท้ายก็ได้ใครจะไปรู้

โดย.. ลุงใหญ่ 
๑ มกราคม ๒๕๕๗




Monday, December 30, 2013

" สวัสดีวันสิ้นปีเก่า 31 - 12 - 13 "

" สวัสดีวันสิ้นปีเก่า 31 - 12 - 13 " 

.. อยากให้คุณได้สม .. ดังที่ฝัน
ฝันอะไรให้ใครก็ตาม

อยากให้คุณได้สม .. ดังที่หวัง
ตั้งใจไว้ในทุก ๆ ประการ

โรคภัย .. ก็อย่าได้มาผ่าน
การงานอย่าให้ติด อย่าให้ขัดทั้งนั้น
รักใคร .. ก็ให้รักกันได้นาน นาน .. 

ปล. ขอฝากเป็น " กำลังใจ " 
เป็นลมหายใจเติมไฟที่ว่าหมด
ผ่านจากวันวาน .. ก็ยังหวานได้เริ่มต้นวันใหม่

ไปได้ไกลเท่าไหน .. ก็อยู่ที่ใจตัวเรากำหนดเอาเอง

โดย.. ลุงใหญ่  31 - 12 - 13 วันสิ้นปี


Tuesday, December 24, 2013

" การมีใจเป็นทาน "

... ให้ทาน คือ การให้ทาน หรือ มีใจเป็นทาน 
ทำให้จิตใจ สดใส เบิกบาน มีเมตตา เรียกว่า " แผ่เมตตา " ... 

สัพเพ สัตตา อเวรา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อัพพะยาปัชฌา

สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ 

สัตว์ทังหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายมด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ 

... แผ่เมตตา คือ ความอยากให้ มนุษย์ และ สัตว์โลกทั้งหลายเป็นสุข ๆ 
ไม่เบียดเบียนต่อกัน และ กัน ทำให้มีใจ  " เป็นสุขกุศล " 

ปล. การแผ่เมตตา และ " มีใจเป็นทาน " นี้  จะช่วยให้จิตใจสงบ ใจนิ่ง สบาย หายกังวล
มีความเมตตา ต่อมนุษย์ และ สัตว์โลก แม้กระทั้ง ... ศัตรู ผู้คิดร้าย ... 

โดย.. ลุงใหญ่ 
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑ วันนี้วันพระ 

สุขสันต์วันคริสต์มาส ครับ พี่น้องที่รัก ...? 


Monday, December 16, 2013

" สงบ ทำให้ เกิด สุข "

สุขมาก หรือ สุขน้อย แล้วแต่ ธรรมะ 

... ความสงบทางจิตวิญญาณ 
เป็นความสงบที่ปราศจากความกลัวใดๆ
ปราศจากการมีอัตตา การสงบทางจิตวิญญาณ
จะเกิดขึ้นได้ ด้วยการฝึกฝนจิตจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งใน ไตรลักษณ์ ... 

โดย.. ลุงใหญ่ 
อังคาร ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ 
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑ 




Monday, July 8, 2013

ความจริงใจ

... อันมิตรแท้จริงใจทำไม่ยาก
สร้างฐานรากคุณธรรมนำวิถี
รู้ผิดถูก รู้อภัย รู้ไมตรี
กลุ่มเรานี้ประสบสุขทุกโมงยาม

... พูดคำเดียวจริงใจดูใหญ่ยิ่ง
คงความจริงความหวังดีจึงมีค่า
จะช่วยย้ำคำว่ามิตรติดตรึงตรา
สร้าง "ศรัทธา" ให้ซึ้งกันถึงวันตาย

... ผู้หวังดีคือคนดีมีธรรมะ
ถือสัจจะค้ำชูมองรู้ได้
พูดให้รักชักให้ดีทุกที่ไป
โยงสายใยให้เป็นมิตรนิจนิรันดร์

ปล. อย่ามองความจริงใจ เพียงผ่านตา แต่ให้เรียนรู้ด้วยเวลาที่ผ่านไป...?

โดย.. ลุงใหญ่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖

Tuesday, July 2, 2013

ขออโหสิกรรมลาบวช

เนื่องด้วยข้าพเจ้านายกิตติวัชร์ เกษมใส (ลุงใหญ่) 
จะขอลาอุปสมบท ๑ พรรษา ในวันที่ ๒๐ กรกฏาคม ๒๕๕๖
 
ณ วัดป่าธรรมอุทยาน (วัดหลวงพ่อกล้วย) ซึ่งตั้งอยู่หลังโรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๘๔ 
กม. ๑๑ ถนน มิตรภาพ บ้านสำราญ - บ้านเพี้ยฟาน  
ตำบลบ้านสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ๔๐๐๐๐

ข้าพเจ้าจึงขอขมา ขออโหสิกรรมแด่ทุกๆท่าน 
กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้เคย ล่วงเกิน  ทุกท่านด้วย กาย วาจา ใจ 
ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ตั้งใจก็ดี ไม่ได้ตั้งใจก็ดี

ขอทุกท่านโปรดงดโทษและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าทุกท่าน 
ข้าพเจ้าขอแผ่กุศลผลบุญในครั้งนี้ให้กับ บุพการี บรรพบุรุษ 
เจ้ากรรมนายเวร สัมภเวสี และเพื่อนๆ พี่น้องทุกท่าน

ขอให้ทุกท่านเจริญสุขทั้งทางโลก และ ทางธรรม
หลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร ทุกผู้ทุกคนเทอญ 
กราบ กราบ กราบ ทุกท่านครับ

โดย.. ลุงใหญ่ ๒ กรกรฎาคม ๒๕๕๖

ปล. มีแผนที่ไปวัดป่าธรรมอุทยานแนบมาด้วย




Tuesday, June 18, 2013

กามารมณ์

รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
แม้จะเป็นคุณสมบัติของโลกใบนี้ ... แต่ก็ควรละทิ้งให้เป็น ...?

อารมณ์ที่น่าใคร่ น่าปรารถนา 
อารมณ์แห่งกาม คือ สิ่งที่จิตมันจะไปเกี่ยวข้องพัวพัน 
ในฐานะน่ารัก น่าพอใจ แล้วก็เกิดความรู้สึกทางกามขึ้น 
เป็นขั้นแรก เป็นข้อแรก แล้วก็เหลืออยู่เป็นความเคยชิน 
เป็นสัญญาเป็นอะไรต่างๆ ที่จะน้อมไปหาอารมณ์อย่างนี้

หมายถึง กามคุณ ๕ ประการ  ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ของ ๕ อย่างนี้ 

มนุษย์หลงใหลกันมากที่สุดและง่ายที่สุด เพราะมันมีเสน่ห์ 
อย่างรูปงาม ๆ ผู้หญิงสวย ๆ นี่ ผู้ชายเห็นแล้วต้องหันแล้วหันอีก 
หันไปเพราะตัณหาจนตาหัน บางคนเห็นแค่ครั้งเดียวก็เก็บเอาไปฝันเฝ้าคิดถึงอยู่นั่นแหละ 

ปล. รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส เมื่อเรายังเกี่ยวข้องกับมันอยู่ก็ให้รู้จักมีสติสัมปชัญญะ
ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้หัวใจมันละเมอเพ้อพกหลงใหลจนเกินไปนัก ให้มันอยู่
ในระดับที่พอดี - พองาม ไม่ให้ทุกข์เกินไป ไม่ขวนขวายให้มากเกินความจำเป็น ...? 

โดย.. ลุงวัชร์ (ใหญ่) ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๖


Saturday, June 8, 2013

"ขอบคุณผู้รับ"

แด่เธอเสมอ นะ ผู้รับในทุก ๆ เรื่องราว ...

ผู้ให้ ... ควรขอบคุณ ... ผู้รับ
เพราะผู้รับ ... มีบุญคุณแก่ ... ผู้ให้

ตรงที่ผู้ให้ ... ได้มีโอกาส ... สร้างบุญ
... โดยอาศัย ... ผู้รับ ... เป็นสำคัญ ...?

_ ผู้ให้ได้รับ ... นับแต่บุญ
_ จึงขอบคุณ ... ผู้รับนับว่าควร

โดย .. ลุงวัชร์ นารายันต์ ๖ มิ.ย. ๕๖

นี่แหละเหมือนกลับหัวคิดชีวิตก็พบสุข...?


สติสัมปชัญญะ

.. การมีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัวตลอด

 จะทำให้เรามีบุคลิกภาพดีขึ้น

 แลดูสุขุม เรียบร้อย ทำอะไรก็มีประสิทธิภาพ ไม่หลงลืม เผอเรอ หรือทำข้าวของเสียหาย ..?

โดย.. ลุงใหญ่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๖

ปล. "... ละขันธ์ ๕ ตัวเดียวเท่านั้นแหละ
เป็นเหตุ .. ละกิเลสได้ทุกตัว ..."

ชีวิตคือการเดินทาง

ชีวิตคือการเดินทาง

 การเดินทาง คือการเรียนรู้

 การเรียนรู้ คือประสบการณ์ชีวิต

 เพราะประสบการณ์ชีวิต

 ให้สิ่งดี ๆ แก่เราเสมอ ...?


โดย.. ลุงใหญ่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖

ให้ความรัก ก่อน ให้ความรู้

ให้ความรัก ก่อน ให้ความรู้


 ๑.ให้ความรัก ก่อน ให้ความรู้

 ๒.ต้องรู้ว่าความรักที่จะให้นั่นมีกี่วิธี

 ๓.จงสอนจากง่ายไปหายาก

 ๔.จงสอนให้คิด อย่าสอนให้จำ

 ๕.สอนด้วยของจริง

 โดย.. ลุงใหญ่ ๕ เมษายน ๒๕๕๖

อย่ายึดติด

ธรรมดี ความดี ... อย่ายึดติด ...?

ความดีนั้นหากยึดติดถือมั่นมาก สามารถนำไปสู่การทำชั่วได้ไม่ยาก เพราะเมื่อพบว่าคนอื่นไม่ดีเหมือนตน หรือไม่ดีตามความคิดของตน ย่อมเกิดความเกลียดและโกรธตามมา ถ้าไม่รู้ทัน ปล่อยให้มันครองใจ ก็สามารถทำร้ายเขาได้ง่ายมาก ไม่ด้วยการกระทำก็ด้วยคำพูด.....?

จะว่าไปแล้วความยึดติดถือมั่นนั้นไม่ว่ากับอะไรก็ตาม แม้กระทั่งกับสิ่งที่ดีงามหรือประเสริฐ ก็สามารถผลักดันให้เราทำสิ่งที่เลวร้ายได้ทั้งนั้น
 
โดยเฉพาะเมื่อเจอคนที่ไม่ได้ยึดถือสิ่งเดียวกับเรา เช่น ศาสนา ศีลธรรม อุดมการณ์ หรือประเพณีพิธีกรรม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยจับอาวุธเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ในนามของศาสนาหรืออุดมการณ์ที่ถือว่าดีงาม.....?

ปล. ทำดี ละชั่ว ทำจิตให้บริสุทธิ์ นะครับ

โดย.. ลุงใหญ่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๖

“มานะ”

วันศุกร์ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖
แรม 1 ค่ำ เดือน 5 ปีมะเส็ง (สากล)
ปีมะเส็ง (ไทย) ปีมะเส็ง (จีน)
วันจอไม่ถูกกับมะโรง

... ปัญหาของการทำดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำแล้วรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่น ความรู้สึกว่าเหนือกว่านี้จัดว่าเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เรีย...กว่า “มานะ”
(ซึ่งไม่ได้แปลว่าความพยายาม)

... กิเลสชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วมักทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ดูถูกคนอื่น เกิดอาการหลงตัวลืมตน ใครวิจารณ์หรือตำหนิไม่ได้ ถูกแตะต้องเมื่อใดเป็นโกรธเมื่อนั้น

... ผู้ปฏิบัติธรรมจำนวนไม่น้อย เมื่อถูกทักท้วงว่ากำลังหงุดหงิดหรือไม่มีสติ ก็จะรู้สึกโกรธหนักกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่อาการดังกล่าวเป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน บางคนเมื่อรู้ว่าได้ทำความผิดพลาดขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างมากก็แค่
“หน้าแตก” เท่านั้น กลับพยายามกลบเกลื่อนหรือถึงกับโกหก ทั้งนี้ก็เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์คนดีหรือผู้ปฏิบัติธรรม..?

โดย.. ลุงใหญ่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖

จงให้ด้วยใจ

คิดถึงตัวเองให้น้อยลง ..

มองคนอื่นให้มากขึ้น ...

ชีวิตก็พบสุข .. ทุกข์ก็ดับลง ...?

ปล. อย่าเห็นแก่ตัว - จงให้ด้วยใจ

โดย.. ลุงวัชร์ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖

"สมาธิ"

... ทำ ใจ ให้ สงบ คือ "สมาธิ" ...

ใจที่สงบเป็นใจที่ได้รับการพัฒนา
กลายเป็นใจที่มีพลัง จะทำอะไรก็
จอจ่อกับสิ่งนั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง
ไม่สะดุด , ไม่ขาดตอน
...

คนมีสมาธิจึงเป็นคนที่ทำงานทุกอย่าง
เสร็จเร็วและเรียบร้อยไม่บกพร่อง ...

สามารถรับงานปริมาณมาก ๆ
และงานหนัก ๆ ได้โดยไม่มีปัญหา
เหมือคนที่ขาด "สมาธิ" ...?

โดย.. ลุงวัชร์ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๖
 

"ความฝัน"

จงหลับไปพร้อมกับความระลึกถึง
ที่ไม่เปลี่ยนแปลง .. เพราะโลกนี้
มีความเป็นจริงอยู่ในตัวเอง ...?

ทุกอย่าง และทุกอย่างโดยไม่มีข้อ
ยกเว้นคือ "ความฝัน" เมื่อทุกอย่าง
คือ ความฝัน จึงไม่มีอะไรต้องกังวล

ปล. ความฝันคือสิ่งที่ชีวิตถูกสร้างขึ้น

โดย.. ลุงวัชร์ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๖

"รักร่วมเพศ"

... ผู้ที่เป็น "รักร่วมเพศ" นั้น เป็นผู้มี ความ (เบี่ยงเบนทางเพศ)
 
บัดนี้ นักสิทธิมนุษยชนได้ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง  แล้วว่า การเป็นรักร่วมเพศนั้น ...

... นอกจากเป็น 'สิทธิส่วนบุคคล'
อันผู้อื่นละเมิดมิได้แล้ว ยังไม่ใช่เรื่ิองที่
(ผิดธรรมชาติ) แต่อย่างใดอีด้วย ...

ปล. ปัจจุบัน ชาวรักร่วมเพศเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป และมีชีวิตที่ไม่แตกต่างจากคนที่ชอบเพศตรงข้าม หลายคนมีความสามารถและประสบความสำเร็จในการงานอาชีพสูง
 
ฉะนั้น หากลูก ๆ ของคุณพ่อ/คุณแม่ท่านใดที่เป็นผู้รักร่วมเพศ และลูก ๆ คุณเป็นคนดี มีน้ำใจ กตัญญู ต่อบุพการี คุณก็ไม่ควรเป็นกังวลต่อชีวิตของพวกเขา
 
บุตรธิดาเกิดมาจากบิดามารดา แต่ไม่ได้เป็นสมบัติของบิดามารดา คุณควรตระหนักความเป็นจริงในข้อนี้ให้มาก ๆ เพื่อจะได้ละวางเรื่องที่จะทำให้ทุกข์ใจโดยไม่จำเป็น .... ?

โดย.. ลุงวัชร์ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๖

Wednesday, May 22, 2013

อย่า ยอม รับ การปฎิเสธ


อย่ายอมรับการปฎิเสธ  เพราะเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ท่ามกลางการปฎิเสธ  
เธอไม่อาจกินอาหารได้ เธอไม่อาจดื่มน้ำได้ ไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยการปฎิเสธ 

เพราะเธอจะมีเพียงแค่ทนทรมาน และสร้างความทุกข์ยากให้เกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ กับชีวิต

การปฎิเสธ คือ นรก มีเพียงการตอบรับเท่านั้นที่ทำให้อยู่ใกล้สรวงสวรรค์ได้ 
และเมื่อมีการตอบรับที่แท้จริงอันเกิดขึ้นมาจาก การดำรงอยู่อย่างเต็มที่ของเธอแล้ว

จะไม่มีอะไรคงค้างอยู่เบื้องหลังนั้นอีกต่อไป ในการยอมรับนั้น เธอจะกลายเป็นหนึ่งเดียว
ตลอดจนพลังทั้งหมดในตัวเธอก็จะทะยานสูงขึ้นไปพร้อม ๆ กับคำพูดที่ว่า ใช่ ใช่ ใช่ ...? เสมอ

ปล. คำพูดที่ว่า ใช่ ใช่ ใช่ นั่นคือ ความหมายของคำว่า สาธุ สาธุ สาธุ ผู้สวดมนต์แต่ละคนจะพูดลงท้าย
ด้วยคำที่ว่า "สาธุ สาธุ สาธุ"  ซึ่งมันหมายความว่า ใช่ ใช่ ใช่ แต่คำ ๆ นี้มันควรที่จะออกมาจากความกล้าหาญ
อย่างเต็มที่ของเธอเอง ไม่ควรเป็นเรื่องของจิตใจ ไม่ควรเป็นเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในความคิด บอกให้เธอพูดคำนั้น 
แต่บอกให้เธอเปิดทางให้ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นมา เพื่อเป็นการยอมรับอย่างแท้จริงก็จะเกิดขึ้นกับตัวของเธอเอง จริง จริง ...?

โดย.. ลุงวัชร์  ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ 


Tuesday, May 21, 2013

รักบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง

รักบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง

จงรักบางอย่างที่สูงกว่า และ ยิ่งใหญ่กว่ารักตัวเอง
รักบางอย่างจะจมหายไปได้โดยคุณไม่อาจควบคุมได้

เพราะว่าคุณอาจถูกครอบครองด้วยสิ่งนั้นได้ 
แต่คุณไม่สามารถถือครองเป็นเจ้าของสิ่งนั้นได้

ครั้นแล้ว อนัตตาก็จะหายไป และเมื่อความรักดำรง
คงอยู่โดยไร้อนัตตาแล้ว นั่นคือการสวดมนต์ ทำสมาธิ

ปล. อนัตตา คือความไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนที่แท้จริง เช่น เก้าอี้ที่คุณเรียกและเห็นอยู่ มันเป็นอนัตตา เพราะว่าเมื่อแยกออกเป็นชิ้นๆ คุณก็เรียกว่าไม้ เรียกว่าเศษหนัง เศษฟองน้ำ ตะปู ถ้าดูที่มาก็แปลเปลี่ยนจาก ธาตุ สี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม จนเป็นตัวเป็นตน เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นคนสัตว์สิ่งของ ที่เรายึดติดกันว่าเป็นของกู เป็นตัวกู การปฏิบัติจิตจึงให้สลัด การยึดติด ให้เห็นเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะเมื่อไหร่ที่ใจยึดติด ก็เป็นเหตุแห่งทุกข์พันธนาการไปทุกภพ ทุกชาติไม่มีวันหลุดพ้น สรุปแล้วไม่มีอะไรที่เป็นของ ๆ เรา ตัวจิตก็ไม่ใช่ของเรา ตัวสติก็ไม่ใช่ของเรา มีสติเป็นทาง แต่ไม่ใช่ของเรา

โดย.. ลุงวัชร์ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖

Monday, May 20, 2013

เริ่ม - ที่ - ปัญญา

เริ่ม กัน ที่ ปัญญา
ศีล และ สมาธิ อันไหนจะมาก่อน
ศีล และ สมาธิ อันไหนจะเริ่มก่อน
ไม่สำคัญ ... แต่ทั้งหมดนั่น

อันดับที่ ๑ ปัญญา ต้องมาก่อน
อันดับที่ ๒ จะเป็น ศีล หรือ สมาธิ
ก็ได้ลุงวัชร์เน้นที่ปัญญา เฉกเช่น

อริยมรรค ๘ ประการ เริ่มจากปัญญาต้องมาก่อน คือ

๑.สัมมาทิฏฐิ. เห็นชอบ (ที่ปัญญา)
๒.สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ
๓.สัมมาวาจา เจรจาชอบ (ที่ศีล)
๔.สัมมากัมมันตะ ทำการชอบ
๕.สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ
๖.สัมมาวายามะ เพียรชอบ
๗.สัมมาสติ ระลึกชอบ (ที่สมาธิ)
๘.สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ

ปล. จงใช้ปัญญาเจาะจงลงไปที่จิตเพื่อให้บรรลุธรรม ทำ เป็น ธรรมะ

โดย.. ลุงวัชร์ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖

Friday, April 12, 2013

... คิดจะรัก - ต้องรักให้เป็น ...

... คิด คิด ให้ดีๆ ...

"ความรัก" คือ สิ่ง ๆ หนึ่งที่มีความผูกพันเกิดขึ้นระหว่างคน ๒ คน
ที่มีการเริ่มต้น คงอยู่ และ จากไปในที่สุด

(ความรักที่มั่นคงและเป็นอมตะ .. มันคงอยู่ในใจของกันและกันเสมอไม่มีวันตาย)

"ความสุข" คือ สิ่ง ๆ หนึ่ง ที่ฝั่งอยู่ในใจของเราเสมอ แต่ในบางมุม
ความสุข ก็อยู่ร่วมไปกับ ความทุกข์ ความลำบาก ความโหยหา
และสุขอย่างลม ๆ เช่น ผ่านพบและผูกพัน

"ความทรงจำ" คือ สิ่ง ๆ หนึ่งที่คนเราไม่เคยลืม และลืมไม่ลง
ไปจากใจของเราเสมอ ไม่ว่าเธอ และ ฉัน จะสุข หรือ ทุกข์ ...?

โดย.. ลุงใหญ่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๖

Thursday, April 11, 2013

"ทุกข์" มีอยู่ในตัวเราทุกคน

อย่ากลัวทุกข์
อย่าหนีทุกข์
อย่าทนทุกข์
ทุกข์ไม่ได้มีไว้เพื่อให้ทน
แต่ทุกข์มีไว้เพื่อให้คนเรากำหนดรู้
ทุกข์ ... จึงเปรียบเสมือนเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ให้คนเราได้เรียนรู้

จงทำความรู้จักกับทุกข์เสียก่อน
เมื่อรู้จักกับทุกข์ดีแล้ว ... แล้วจึงค่อย ๆ วางทุกข์

การที่คนเราต้องทนทุกข์ แล้วบอกว่า
ทนไปสักพักแล้วก็จะชินไปเอง

เรื่องนี้อันตราย !!!
ถ้าคนเราทนไปเรื่อย ๆ จะทำให้คนผู้นั้นเกิดความเคยชิน !

"คนเราส่วนใหญ่ดำรงชีวิตอยู่กับความเคยชิน เพราะ ขาดการพิจารณา"

ความเคยชิน ไม่ดีนะครับ
ถ้าเราปล่อยให้เกิดความเคยชินเสียแล้ว
เราก็จะไม่มีโอกาสจะรู้จักทุกข์ได้เลย
เมื่อเราไม่รู้จักทุกข์ แล้วเราจะวางทุกข์ได้อย่างไร ?
ทุกวันนี้คนเราเป็นทุกข์จนเกิดความเคยชิน เลยไม่รู้จักทุกข์
จึงวางทุกข์กันไม่ได้ ทำไมต้องดำเนินชีวิตแบบทนทุกข์ล่ะครับ
ทำไมไม่พิจารณาทุกข์ ให้รู้จักทกุข์ และวางทุกข์ให้ได้
ไม่ใช่ทนทุกข์ ... แล้วปล่อยให้เกิดความเคยชิน

"ทนทุกข์ให้ได้ แล้วเราจะไม่ทุกข์ได้"

ปล. คำว่า "ทุกข์" มีอยู่ในมนุษย์ทุก ๆ คน ไม่ว่าจะเกิดมา สูง ต่ำ ดำ ขาว รวย จน ทุก ๆ คนต้องมีทุกข์

โดย.. ลุงใหญ่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๖

Monday, April 1, 2013

การดูจิต - ง่าย ๆ โดย.. ลุงใหญ่

การดูจิต - ง่าย ๆ โดย.. ลุงใหญ่

เมื่อดูจิตไปเนือง ๆ อาจจะรู้สึกเหมือนนอนไม่หลับ เพราะจืตตื่นอยู่
บางครั้งจิตเริ่มนิ่ง .. ดิ่งลงสู่ภวงค์ เหมือนเคลิ้มไป ให้รู้สึกไว้
ความรู้สึกจะผสานกับความนิ่ง จิตดิ่ง แต่รู้สึกตื่นในภวังค์
บางครั้งเกิดอาการซาบซ่านทั่วร่างกาย ตัวเบาเหมือนจะลอย
น้ำตาจะไหล ตัวโยกไปมา คันตัวเหมือนมดไต่ ตัวแข็งเหมือนหิน
รู้สึกว่าไม่มีร่างกายนี้อยู่เลย การทิพย์แยก

ลุงใหญ่ขอให้ผู้ปฏิบัติทั้งหลายกำหนดที่จิต มีสัมปชัญญะ
คือ ความรู้สึกเห็นการเกิด - การดับไปตลอดเวลา
เป็นการทำลายความยึดมั่นในสัญญา
ดังนั้น เมื่อเราดูจิตไปเนื่อง ๆ เวลามีกิเลสเข้ามา
ณาณภายในจะสลัดกิเลสออกไปเองตลอดเวลา
จะมีสภาวะเหมือนธรรมจักรหมุนตัดที่จิตข้างใน
กิเลสที่วิ่งเข้ามาเหมือนสายน้ำก็หายไป .. เปนอากาลิโก คือ ไม่เลือกกาลเวลา ?

ปล. สภาวธรรมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุ ล้วนไม่ควรยึดมั่น

ธรรมทั้งหลายทั้งปวง รวมลงที่จิต
ธรรมชาติของจิตละเอียดอ่อน เห็นได้แสนยาก
มักตกไปอยู่ในอารมณ์ที่น่าเพลิดเพลินพอใจ
ผู้ใดตามรักษาจิตผู้นั้นย่อมพ้นจากบ่วงมาร

โดย.. ลุงใหญ่ ๒ เมษายน ๒๕๕๖

Monday, March 18, 2013

เลือกด้วยตัวเอง

... เส้นแบ่งระหว่างผู้ใหญ่ และ เด็ก มันอยู่ตรงไหน ..?
ผมคิดว่ามันอยู่ตรง "การเลือก" และ "ความรับผิดชอบ"
ต่อสิ่งที่ตัวเองเลือกไป

... เด็ก ๆ ไม่ค่อยเลือกอะไร ด้วยตัวเองหรอกครับ เพราะว่ามีผู้ใหญ่เลือกให้ จนโตเป็นผู้ใหญ่ คุณต้องเลือกเอง

... วัยรุ่นเป็นวัยที่อยู่ตรงเส้นแบ่งนั้นพอดีเป๊ะครับ แต่ที่น่าเสียดาย คือ พ่อ แม่ ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้ลูกเป็นผู้ใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าท่านหวังในใจให้ลูกท่านเป็นเด็กตลอดชีวิตหรือเปล่า ซึ่งตรงนี้แตกต่างจากสังคมฝรั่งครับ

... เราไม่เคยฝึกให้วัยรุ่นเป็นผู้ใหญ่ ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเราลืมไปว่าเขาโตแล้วหรือเปล่า (เด็กรุ่นใหม่โตเร็วนะครับ) แต่ผมคิดว่าเหตุผลที่ใช้กันบ่อย (อย่างบริสุทธิ์ใจ)
ก็คือ วัยรุ่นยังเป็นเด็ก รู้จักโลกไม่เท่าผู้ใหญ่ (โลกนี้มันอันตรายมากนะหนู) ดังนั้นเมื่อผู้ใหญ่ รู้จักโลกดีกว่า ผู้ใหญ่จึงน่าจะเลือกแทนวัยรุ่น อย่างน้อยก็ในเรื่องสำคัญต่าง ๆ

... ผมไม่ปฏิเสธว่าผู้ใหญ่รู้จักโลกดีกว่า (ของมันก็แน่อยู่แล้ว ก็คุณอยู่มานานกว่า) แต่ขอแย้งสักนิดว่า นี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ดีกว่าตัววัยรุ่นเอง

หนึ่ง .. เพราะโลกหมุนเร็วขึ้น ในบางเรื่อง คุณอาจตกยุค
ไปแล้ว

สอง .. โลกมีหลายมุม "มุมมอง" เกิดจากประสบการณ์
ของแต่ละคนดังนั้น การมองโลกของคุณจึงไม่ใช่สัจธรรม
เสมอไป เพราะการมองโลกของคุณจำกัดอยู่ด้วยประสบการณ์อัน (ยาวนานแต่) จำกัดของคุณ ...?

โดย.. ลุงใหญ่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖

Wednesday, February 27, 2013

รู้หน้า .. ไม่รู้ใจ

.. รู้หน้า แต่ ไม่รู้ใจ ..

พึงสังวรณ์ไว้ในใจว่า
วันเวลาผ่านเลยไปไม่ย้อนกลับ
เหมือนสายน้ำระรื่นไหลไปลิบลับ
สิ่งที่กลับแปรผันได้ ใช่ .. หัวใจ

เห็นดวงหน้าใช่ว่าเปนอย่างที่เห็น
สวยงามเด่น .. จะมองเห็นอะไรได้
ยิ่งพราวพริ้ม - ยิ่งอำพรางต่างความนัย
หนึ่งหน้าใคร อาจซ่อนใจได้หลายดวง...?

โดย.. ลุงใหญ่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖







Friday, February 15, 2013

.. ลาวดำเนินทราย ..

ขับร้องโดย .. ครู สุรางค์ ดุริยพันธ์ุ

เนื้อเพลง .. ลาวดำเนินทราย ..

เห็นเวลาดึกนักหนาอยู่แล้วหนอ
จะรีรอร้องเล่นเป็นห่วง
เหมือนเกสรโกสุมทุ่มทุกพวง
จะแรมร่วงโรยราน่าเสียดาย

โอ๋ว่าอกเอ๋ยกรรมอกเอ๋ยจะทำเช่นไร
แม้ไม่มีบ่วงห่วงใยตัวฉันไม่ไปเลยเอย
เป็นกรรมจำพรากจำจากจำไกล
จำจิตจำจัยจากไกลกันเอย

นิจจาเอ๋ยเราเคยสรวลสำรวนเล่น
จะจากไปมิได้เว้นน่าใจหาย
ค่อยอยู่เถิดกัลยาอย่าอันตราย
ขอลาเลื่อนเคลื่อนคลายไปก่อนเอย

โอ้ว่าแสนเสียดาย
เสียดายนักต้องหักใจจร
ใจเอ๋ยจะขาดลงรอนๆ
ด้วยแสนอาวรณ์จริงเอย
หวานใดหนอบ่แม้นน้ำคำ
หวานประจำ หวานอยู่ในน้ำคำเอย


.. แสนสุดซึ้ง และ ใคร่ควรหา ..

.. แสนสุดซึ้ง และ ใคร่ควรหา ..

 ชื่อเพลง … นางครวญ เถา
ผู้แต่ง … ครูมนตรี ตราโมท  (ขยายครบเป็นพลงเถา)
ประเภทเพลง … เถา
ประเภทหน้าทับ … หน้าทับปรบไก่

... บทร้อง …
บทร้องเพลงนางครวญ เถา 

 สามชั้น
โอ้ว่าป่านฉะนี้พระพี่เจ้า จะโศกเศร้ารัญจวนครวญหา
ตั้งแต่พระไปแก้สงสัยมา มิได้พบขนิษฐาในถ้ำทอง
สองชั้น
พระจะแสนเศร้าสร้อยละห้อยไห้ หฤทัยทุกข์ทนหม่นหมอง
จะดั้นด้นค้นคว้าเที่ยวหาน้อง ทุกประเทศเถื่อนท้องพระบุรี
ชั้นเดียว
โอ้ว่าทำไฉนจะได้รู้ ว่าน้องอยู่ประมอตันกรุงศรี
แม้นใครทูลแถลงแจ้งคดี เห็นทีจะตามมาด้วยอาลัย
(จากอิเหนา พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒)
โน้ตเพลง … ไม่มี
รูปแบบการบรรเลงที่กำลังรับฟัง … วงเครื่องสายไทย
ข้อมูลเพลง ...
๑. เพลงอัตราจังหวะสามชั้น เป็นเพลงที่มีสำนวนทำนองคู่กับเพลงสุดสงวน สันนิษฐานว่านักดนตรีไม่ทราบนาม แต่งขยายจากเพลงมอญรำดาบสองชั้นหรือเพลงนางรำ ในเพลงตับเรื่องนเรศวรชนช้าง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ได้ทรงนำเพลงนางครวญสามชั้นมาทรงพระนิพนธ์ให้เป็นเพลงสำเนียงฝรั่ง มีทำนองจังหวะและลีลาแบบตะวันตก เพื่อให้แตรวงบรรเลง ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จกรมหลวงนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
๒. เพลงเถา นายมนตรี ตราโมท ได้นำเพลงนางครวญสามชั้นมาแต่งตัดเป็นอัตราสองชั้น และชั้นเดียวครบเป็นเพลงเถา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๖
นางครวญ เถา
 
 

... ความหมาย เพลงเขมรไทรโยค ...

ความหมาย เพลงเขมรไทรโยค
โดย.. ลุงใหญ่ 16-02-56

คำร้อง : พระราชนิพนธ์ ของ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
ทำนอง : พระราชนิพนธ์ ของ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์

... เนื้อร้องเพลงเขมรไทรโยค ...

.. บรรยายความ ตามไท้เสด็จยาตร ปยังไทรโยคประพาสพนาสณฑ์
น้องเอย...เจ้าไม่เคยเห็น

ไม้ไร่หลากพันธุ์ คละขึ้นปะปนที่ชายชลเขาชะโงก เป็นโกรกธาร

.. น้ำพุพุ่งซ่าน ไหลมาฉาดฉาน เห็นตระการ มันไหลจ้อกโครม
จ้อกโครม มันดังจ้อก จ้อก จ้อก จ้อก โครม โครม
น้ำใสไหลชวนดูหมู่มัสยา กี่เหล่าหลายว่ายมาก็เห็นโฉม
เอ่ย น้องเอย เจ้าก็ไม่เคยเห็น

.. ยินปักษา ซ้องเสียงเพียงประโคม เมื่อยามเย็นพยัพโพยม ร้องเรียกดัง
เสียงนกยูงทอง มันร้องโด่งดัง หูเราฟัง มันร้องดัง กระโต้งโห่ง
มันดัง ก้อก ก้อก ก้อก ก้อก กระโต้งโฮง

ประวัติ ของบท เพลงเขมรไทรโยค

... บทเพลง "เขมรไทรโยค" เปนผลงานของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
(พ.ศ. ๒๔๐๖-๒๔๙๐) พระน้องยาเธอในสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
เพลงนี้ทรงพระนิพนธ์ไว้เมื่อคราวตามเสด็จรัชกาลที่ ๕ ไปตำบลไทรโยค ครั้งที่ ๒
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ ทรงเล่าถึงความงามของป่าเขาลำเนาไพรผ่านบทเพลงอันแสนไพเราะ
ให้ผู้รับฟังได้ซาบซึ้งกับธรรมชาติ ณ ที่นั้น ไม่ว่าจะผ่านมานานแล้วสักเพียงใดแต่
ความไพเราะของเพลงนี่ก็ยังคงอยู่

... ในบรรดาเพลงไทยเดิมที่เป็นอมตะที่สุด ที่มีเนื้อร้องบรรยายถึงสถานที่ท่องเที่ยว
เป็นเพลงแรกของไทย นั่นก็คือ "เพลงเขมรไทรโยค" ซึ่งในวันที่ 20 กันยายน 2555
ที่ผ่านมามีอายุครบ 124 ปี แต่บทเพลงดังกล่าวก็ยังมีความไพเราะสุดแสนจะบรรยาย

... เพลงเขมรไทรโยค ประพันธ์โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ซึ่งได้เคยตามเสด็จประพาสไทรโยค
กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่โปรดเสด็จ
ประพาสต้นที่เมืองกาญจนบุรีถึง 4 ครั้ง
(ไม่นับรวมที่ตามเสด็จพระราชบิดาเมื่อปี พ.ศ.2408)
ทำให้เกิดบทพระราชนิพนธ์ "ประพาสไทรโยค" ที่ได้ทรงบรรยาย
ถึงการเดินทางมายังน้ำตกไทรโยคที่เมืองกาญจนบุรี

... พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินประพาสต้น
มาเมืองกาญจนบุรีครั้งแรก ในปี พ.ศ.2416 โดยเรือกลไฟทางทะเล
ไปเมืองราชบุรี แล้วเสด็จทางชลมารคไปลงเรือพระที่นั่งที่ท่าสะคร้อ

... เสด็จมายังเมืองกาญจนบุรี ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2420 เสด็จทางชลมารค
ไปตามลำน้ำแควน้อย แล้วเสด็จมาประทับที่เมืองราชบุรีในครั้งนี้ที่สมเด็จฯ
เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ได้ติดตามมาด้วย ขณะที่มีพระชนมพรรษา
เพียง 14 พรรษา ด้วยทรงมีนิสัยโปรดทางดนตรีปี่พาทย์ ได้นำเอาผืนระนาด
ม้วนใส่เรือไปด้วยเวลามีพระประสงค์จะทรงตี ก็คลี่ผืนระนาดผูกกับกราบเรือ
แทนรางระนาด ไม่ว่าขึ้นพักที่ใดมีเวลาว่างก็ทรงตีระนาดเสมอ
จนสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยาลาภพฤติธาดา
ซึ่งประทับอยู่เรือลำเดียวกัน รับสั่งบ่นว่า "องค์จิตรนี้แหละตีระนาดหนวกหูพิลึก"

... จากการตามเสด็จในครั้งนี้ ได้ชมความงามตามธรรมชาติของเมืองกาญจนบุรี
โดยเฉพาะลำน้ำแควน้อยซึ่งไหลคดเคี้ยวสภาพสองฝั่งลำน้ำมีสภาพเป็นป่า
ที่อุดมสมบูรณ์ มีน้ำที่ใสไหลเย็น มีเกาะแก่ง เรี่ยว โขดหิน ภูเขาที่สลับซับซ้อน
และน้ำตก รวมทั้งสิงสาราสัตว์นานาชนิด โดยเฉพาะนกยูงและนกต่างๆ ส่งเสียง
ร้องก้องป่าในยามวิกล อีกทั้งมีอากาศที่เย็นสบายชื่นใจทำให้ผู้ตามเสด็จประทับใจ
ที่ได้มีโอกาสมาเยือนกาญจนบุรี

... ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ.2431 สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช
ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ทรงจัดให้มีการรื่นเริงถวายเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในงานนี้จะมีการบรรเลงเพลงต่อหน้าพระพักตร์
โดยวงดุริยางค์ทหารที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ มีเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ รับทำหน้าที่
อำนวยการเพลงทั้งหมด

... กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ฯ ทราบว่าในปลายปี พ.ศ.2431
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จะเสด็จประพาสไทรโยคที่กาญจนบุรีอีก
จึงทรงพระนิพนธ์เพลงขึ้นมาใหม่ มีบทร้องเกี่ยวกับสภาพความงามตามธรรมชาติ
ของลำน้ำแควน้อยและน้ำตกไทรโยค ที่พระองค์ได้เคยตามเสด็จ ได้ปรับปรุงทำนอง
จากเพลงเขมรกล่อมลูก มีการใส่เนื้อร้องและดนตรีใหม่ เพลงเขมรกล่อมลูก
เป็นเพลงไทยเดิม เป็นเพลง 2 ชั้น ทรงขยายเป็น 3 ชั้น ปรับปรุงวงมโหรี
โดยเพิ่มซอฝรั่งผสม มีผู้ขับร้องทั้งชายหญิงแต่ยังคงเรียกว่า เพลงเขมรกล่อมลูก
เหมือนเดิมเพลงนี้ได้บรรเลงเป็นครั้งแรกในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2431 เป็นที่พอพระราชหฤทัยและได้รับความนิยม
จากผู้ที่ได้รับฟังมีความประทับใจมาก จากการที่ได้ฟังเนื้อร้องที่กล่าวถึง
ความงามตามธรรมชาติของน้ำตกไทรโยค ทำให้ข้าราชบริพารในราชสำนัก
ยิ่งเกิดอยากจะตามเสด็จกันมากขึ้น

... ต่อมาเพลงเขมรไทรโยคนี้ ได้รับแก้ไขเปลี่ยนแปลงทำนองจังหวะจาก
ต้นฉบับเดิมหลายครั้ง มีผู้นำไปเป็นเพลงประกอบละครหลายเรื่อง
อาจารย์มนตรี ตราโมช ได้นำไปบันทึกแผ่นเสียงราว ปี พ.ศ.2492
และหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) ได้นำมาดัดแปลงใหม่จนเป็น
เพลงเขมรไทรโยค ที่เราได้รับฟังกันมาจนปัจจุบันนี้นะครับ

โดย.. ลุงใหญ่ 16-02-56
 

แด่ .. วันแห่งความรัก 14- กุมภาพันธ์ 56

แด่.. วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 56

ความหมาย " รัก " โดย.. ลุงใหญ่

.. ดูก่อนเจ้ามิ่งมิตร - ผู้ชิดใกล้
อันความรัก - เปนฉันใด จึงใฝ่หา
เปนดาว ดวงเดือนเด่น เปนนภา
เปนดอกหญ้า - ป่าไพร หรือ สายน้ำ

เปนลมหวนป่วนปั่น กระสันคิด
เปนลมพิษ - เพลิงพัดซัดกระหน่ำ
เปนดวงจิต - คิดนึกที่ลึกล้ำ
เปนรอยจูบ - รอยจำที่ฉ่ำหวาน

หรือความรัก - เปนเพียงตักพยับแดด
ที่เผาแผด - วูบวาบ - ซึมซาบผ่าน
เปนความสุขทุก ทุกที่ ฤดีกาล
หรือเปนเพียง - ตำนานเมื่อวานนี้

.. ดูก่อนเจ้ามิ่งมิตร - ผู้ชิดใกล้
ความหมายใด คือ ความรักประจักษ์ชี้
หรือคำตอบ - ที่มอบให้ไร้พาที
เพียงรอยยิ้ม ยิ้มที่มี ... นี่คือรัก ...?

โดย.. ลุงใหญ่ 14-02-56 วันแห่งความรัก

มีไว้ทำไม - ความรัก
ถ้ามีแล้วจักคนรักห่างหาย
มีไว้ทำไมคู่กาย
ถ้ามีแล้วไร้ใจรัก - แบ่งปัน

ปล. ความรักเปนเรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
" ชีวิตคู่เราสามารถ สมรส ทางจิตวิญาณได้นะ คือ เปนการแต่งงานทางปัญญา"

จงรู้จักว่ารัก คือ อะไร
จะรู้ว่าหัวใจ ใคร่สดับ
รัก คือ รัก ประจักษ์ ได้เมื่อ ได้รับ
ตื่น และ หลับ รับ และ รุก ทุกข์ - สุข มี

รักออกแบบไม่ได้ แต่ ความรักแท้นั้น "ตื่นรู้อยู่ด้วยรัก" มี 4 ระดับ คือ
1. รักตัว - กลัวตาย
2. รักใคร่ - ปรารถนา
3. รักเมตตา - อารีย์
4. รักนี้ - มีแต่ให้

ความหมาย: รักตัวกลัวตาย คือ เปนความรักขั้นพื้นฐานที่สุดของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดของความรัก







Wednesday, February 13, 2013

ไม่รัก .. ไม่รู้

แด่ ..  ทุกคู่รัก วัันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2556 ..


โอ รักเป็นฉันใด .. หวั่นใจเพราะไม่เคยดังว่า

หวั่นไปไยไร้มวลมายา .. เชื่อวาจาไม่รักไม่รู้เลยเธอ ... 

ขอให้ทุก ๆ คู่รัก จงมีความสุขอย่างยิ่ง .. 

โดย.. ลุงใหญ่ 14-02-56 


Tuesday, February 12, 2013

นิทราสวาท .. แด่ ทุก ๆ คู่รัก

(ก่อนวันแห่งความรัก 13-02-56)


"นิทราสวาท"  แต่งคำร้องโดย ศิรวัฒน์ พิมพ์วงศ์ ทำนอง ครูธนิต ผลประเสริฐ ดัดแปลงจากทำนองเพลงไทยเดิม ม่านโอลา เพลงนี้เมื่อหลายปีก่อนค่อนข้างจะหาฟังยากทีเดียวครับ แต่เดี๋ยวนี้สามารถค้นหามาฟังได้ไม่ยาก เชื่อว่าหากไม่ใช่เป็นแฟนพันธุ์แท้สุนทราภรณ์ ก็คงจะไม่ค่อยรู้จักกัน ไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไร เป็นเพลงหนึ่งจาก 2 พันกว่าเพลงของสุนทราภรณ์ ที่ลุงใหญ่ชื่นชอบมาก เนื้อร้องไพเราะ งดงาม แอบมีอีโรติกหน่อยๆ จินตนาการถึงหนุ่มสาวยุคคุณปู่ รุ่นคุณพ่อ จะจีบจะเกี้ยวกัน แม้จะถึงฉากพิศวาสก็เพียงแต่

"...ขอสัญญาเพียงหอมปรางนวล พี่ไม่ใจด่วนลามลวนอื่นใด..." ด้วยมีจารีต มีประเพณีกางกั้นอยู่ ส่วนดนตรีนั้นก็ยอดเยี่ยมตามมาตรฐานของสุนทราภรณ์อยู่แล้ว ร้องคลอไปกับเสียงไวโอลินที่พลิ้วหวาน ลองฟังดูครับ

         .. นิทราสวาท ..
"...พรหมสร้างสรรค์ จันทร์คู่ฟ้า 
มัจฉาคู่สายชล กายของคนที่เกิดมา
ล้วนมีคู่ดั่งพรหมมั่นหมาย
หญิงชายต้องอยู่เชยชู้คู่กัน
วันและคืนมิพรั่น
รักเรามั่นคงสองเราซื่อตรงมิเคยแปรเปลี่ยนเวียนผัน
ดวงใจซื่อต่อกัน
ไม่มีหมองใจหวั่น รักเรามั่นเชยชิดติดเตือน

ดาวคู่เดือน เปรียบเสมือนสองเราเคียงข้าง
รักไม่ห่าง ไม่ร้างห่างไกล
ใจคู่ใจ อยู่แห่งไหน มิวายคำนึง
ขอมีหนึ่งเพียงน้องผ่องพรรณ
แม้ชีวัน สิ้นสูญมลาย
รักพี่ไม่หน่าย ไม่คลายเรียกหา

โอ้ยอดรัก ดวงใจจ๋า เชิญน้องอิงแนบทรวง
ปรางพุ่มพวงเจ้าแนบอุรา
พี่จะกอดตระกองถนอม
มิยอมให้เหลือบยุงริ้นกล้ำกราย
อายหรือไร .. ซุกหน้า
ขวัญดวงหทัย น้องคงตื่นใจ
เพราะความยังไม่เดียงสา
เอวโอนอ่อน หลับตา
สั่นสะท้านกายา ซบดวงหน้าผวาแอบกาย

โถเจ้าอาย.. อย่าหวั่นไหวนักเลยทรามชื่น
ใช่ใครอื่นจะคิดหลอกหลอน
นอนเถิดนอน อย่าอาวรณ์ ร้าวรอนชีวี
หนุนทรวงพี่ทรวงนี้หลับตา
ขอสัญญาเพียงหอมปรางนวล
พี่ไม่ใจด่วนลามลวนอื่นใด..."



ทำนองเพลง "ม่านโอลา" ที่นำมาเป็น "นิทราสวาท" นี้ ยังถูกนำไปแต่งเป็นเพลง "น้ำตาลใกล้มด" ของ คุณสุเทพ วงศ์คำแหง ศิลปินแห่งชาติ และเพลง "หัวใจบอด" ของ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ด้วย ไพเราะทั้ง 3 เพลงครับ